ผลการศึกษาภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทย พ.ศ.2565

การศึกษาภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทย พ.ศ.2565 
โดย ชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี

เนื้อหา
  • กล่าวทั่วไป
  • วัตถุประสงค์ของการศึกษา
  • ขอบเขตของการศึกษา
  • ผลการศึกษา
    • ข้อมูลทั่วไป
    • จังหวัดที่มีสถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกมากที่สุด
    • สถานที่ที่มีผู้โพสต์ภาพถ่ายทางช้างเผือกมากที่สุด
    • จังหวัดที่มีการโพสต์ภาพถ่ายทางช้างเผือกมากที่สุด
    • พฤติกรรมของผู้ที่ถ่ายภาพช้างเผือก
  • อภิปรายผลการศึกษา 
  • ประโยชน์ที่คาดหวังจากศึกษา
***************************
กล่าวทั่วไป
ภาพถ่ายทางช้างเผือก (Milky way) จากสถานที่ต่าง ๆ  ในประเทศไทย ปี พ.ศ.2565 นับเป็นภาพถ่ายที่ทรงคุณค่าทางดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าของภาพหรือผู้ถ่ายได้เผยแพร่เป็นสาธารณะในโลกออนไลน์ ภาพบางภาพยังได้อธิบายรายละเอียดสถานที่และเทคนิควิธีการถ่ายภาพไว้ด้วย อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถนำความรู้ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ ต่อยอดและพัฒนา เพื่อให้การถ่ายภาพทางช้างเผือกมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

หลังจากได้รวบรวมภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทย พ.ศ.2565 เสร็จเรียบร้อยแล้ว (ดูรายละเอียด) ทางชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี จึงได้นำมาศึกษาวิเคราะห์ในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อให้เป็นสารสนเทศที่มีประโยชน์ต่อแวดวงทางดาราศาสตร์ของไทยต่อไป

วัตถุประสงค์ของการศึกษา
  1. รวบรวมสถานที่ที่มีการถ่ายภาพทางช้างเผือกในประเทศไทย ในปี พ.ศ.2565
  2. จัดลำดับสถานที่ที่มีคนโพสต์ภาพถ่ายทางช้างเผือกมากที่สุด
  3. ศึกษาพฤติกรรมของผู้ที่ถ่ายภาพทางช้างเผือก
ขอบเขตของการศึกษา
  1. ศึกษาเฉพาะภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทยที่สามารถระบุสถานที่ถ่ายภาพได้ และผู้ถ่ายได้โพสต์ลงเฟสบุ๊คกลุ่มสาธารณะ จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ 
  2. ห้วงเวลาที่เก็บข้อมูล 1 ม.ค.2565-31 ธ.ค.2565 

ผลการศึกษา
ข้อมูลทั่วไป
  1. จำนวนภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทยที่โพสต์ไว้ ในปี พ.ศ.2565 มีจำนวนทั้งสิ้น  1,464 ภาพ จากผู้ถ่ายภาพ จำนวนทั้งสิ้น 401 คน (ดูรายละเอียด)
  2. สถานที่ที่มีการภาพถ่ายทางช้างเผือก รวม 445 แห่ง จาก 62 จังหวัด 
จังหวัดที่มีสถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกมากที่สุด 
10 อันดับแรก (เรียงจากมากไปหาน้อย)  ได้แก่
  1. จ.เชียงใหม่  จำนวน 50 แห่ง
  2. จ.กาญจนบุรี  จำนวน 31 แห่ง
  3. จ.เชียงราย  จำนวน 19 แห่ง
  4. จ.พังงา และ จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 18 แห่ง
  5. จ.เลย        จำนวน 16 แห่ง
  6. จ.เพชรบุรี   จำนวน 14 แห่ง
  7. จ.ประจวบคิรีขันธ์  จำนวน 13 แห่ง
  8. จ.อุบลราชธานี, จ.น่าน และ จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 12 แห่ง
  9. จ.ลำปาง, จ.ชุมพร, จ.ชัยภูมิ และ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 11 แห่ง
  10. จ.ระนอง จำนวน 10 แห่ง
สถานที่ที่มีผู้โพสต์ภาพถ่ายทางช้างเผือกมากที่สุด
10 อันดับแรก (เรียงจากมากไปหาน้อย) ได้แก่
  • อันดับ 1 บ้านป่าปงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ (จำนวน 23 คน) 
  • อันดับ 2 ดอยหลวงเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (จำนวน 20 คน)
  • อันดับ 3 พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (จำนวน 18 คน)
  • อันดับ 4 ทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา (จำนวน 15 คน)
  • อันดับ 5 จุดชมวิว กม.41 ดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (จำนวน 14 คน)
  • อันดับ 6 สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี (จำนวน 13 คน)
  • อันดับ 7 (จำนวน 11 คน)
    • คลองปากประ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 
    • บ้านแฝด สะพานเอกชัย (ระโนด - ทะเลน้อย)​ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง  
    • จุดชมวิวฮาดู่บิ ม่อนชมวิวดอยหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ 
  • อันดับ 8 เสม็ดนางชี อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา (จำนวน 9 คน)
  • อันดับ 9 (จำนวน 8 คน)
    • มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 
    • อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ 
  • อันดับ 10 (จำนวน 7 คน) 
    • อ่างเก็บน้ำแม่ผาแหน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
    • วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี
จังหวัดที่มีการโพสต์ภาพถ่ายทางช้างเผือกมากที่สุด
10 อันดับแรก (เรียงจากมากไปหาน้อย) ได้แก่
  1. จ.เชียงใหม่    จำนวน 269 ภาพ
  2. จ.กาญจนบุรี   จำนวน 114 ภาพ
  3. จ.เชียงราย     จำนวน  83 ภาพ
  4. จ.พังงา         จำนวน  62 ภาพ
  5. จ.ชัยภูมิ และ จ.ยะลา จำนวน  53 ภาพ
  6. จ.พัทลุง        จำนวน  50 ภาพ
  7. จ.ระนอง        จำนวน 47 ภาพ
  8. จ.สุราษฎร์ธานี  จำนวน 46 ภาพ
  9. จ.อุบลราชธานี  จำนวน 45 ภาพ
  10. จ.แม่ฮ่องสอน   จำนวน 44 ภาพ
พฤติกรรมของผู้ที่ถ่ายภาพช้างเผือก
จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้ที่ถ่ายภาพทางช้างเผือก จำนวน 401 คน พบว่า จำนวนร้อยละของผู้ที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกจากจำนวนสถานที่ที่ถ่าย ตลอดปี 2565 จำแนกได้ ดังนี้ 
  • ถ่ายในสถานที่เพียงแห่งเดียว จำนวน 291 คน คิดเป็นร้อยละ 72.56 (มากที่สุด)
  • ถ่ายในสถานที่ 2 แห่ง จำนวน 48 คน คิดเป็นร้อยละ 11.97
  • ถ่ายในสถานที่ 3-5 แห่ง จำนวน 44 คน คิดเป็นร้อยละ 10.97
  • ถ่ายในสถานที่ 6-10 แห่ง จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 3.49
  • ถ่ายในสถานที่มากกว่า 10 แห่งขึ้นไป จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.01
หากแยกพฤติกรรมเป็นรายบุคคล ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพทางช้างเผือกจริง ๆ ที่เราชอบเรียกว่า นักล่าช้าง (Milky way hunter) จะพบนักล่าช้าง 2 ลักษณะดังนี้ 
  • นักล่าช้างประจำถิ่น (Local milky way hunter) หมายถึง ผู้ที่เสาะหาสถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกในจังหวัดที่ตนเองอาศัยอยู่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงเป็นบางครั้ง ได้แก่
  • นักล่าช้างระดับชาติ (Nation milky way hunter) หมายถึง ผู้ที่เดินทางเสาะแสวงหาสถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกทั่วประเทศไทย ได้แก่ 
    • Rungsak Bandornsak จำนวน 18 แห่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่(1) ตรัง(1) นครศรีธรรมราช(2) พังงา(4) พัทลุง(2) เพชรบูรณ์(1) เพชรบุรี(1) ระยอง(1) เลย (1) สงขลา(1) สุราษฎร์ธานี(1) หนองคาย (1) หนองบัวลำภู(1)
    • Songyut Supadach จำนวน 17 แห่ง ในพื้นที่  จ.กาญจนบุรี(1) ขอนแก่น(1) เชียงใหม่(1) นครศรีธรรมราช(1) พัทลุง(2) พิษณุโลก(2) ยะลา(2) เลย(1) สระแก้ว(1) สงขลา(2) สุรินทร์(1) สุโขทัย(1) อุบลราชธานี(1) 
    • มงคลบารมี ระยอง จำนวน 17 แห่ง ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี(3) จันทบุรี(2) ชัยภูมิ(2) พิษณุโลก(2) ระยอง(5) ราชบุรี(1) ลพบุรี(1) สระแก้ว(1) 
    • Nattakorn Prasansin จำนวน 9 แห่ง ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร(1) กาญจนบุรี(3) ตาก(1) ตราด(1) นครนายก(1) พิษณุโลก(1) ราชบุรี(1) 
    • Pathomphong Chantachot จำนวน 9 แห่ง ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี(3) เชียงใหม่(1) เชียงราย(2) ชัยภูมิ (1) ราชบุรี(1) อุบลราชธานี(1)
    • Vachira Thomas จำนวน 9 แห่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่(1) พัทลุง(2) พิษณุโลก(1) แพร่(2) ลำปาง(1) สงขลา(1) สุโขทัย(1) 
ศึกษาฐานข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "รวมภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทย ปี 2565"

อภิปรายผลการศึกษา 
การรวบรวมภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทย ปี พ.ศ.2565 นี้ เป็นเพียงการรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูล  เพื่อให้สามารถทราบได้ว่า สถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกในประเทศไทย มีอยู่ที่ใดบ้าง และอยู่ในจังหวัดใด มีคนนิยมไปถ่ายภาพมากน้อยแค่ไหน และหากผู้ที่เปิดภาพแต่ละภาพดู จะได้ทราบถึงลักษณะพื้นที่ เทคนิควิธีการถ่าย และการจัดองค์ประกอบของภาพ ซึ่งจะเป็นความรู้พื้นฐานเพื่อปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาให้การถ่ายภาพทางช้างเผือกมีความสวยงาม และสมจริงมากยิ่งขึ้น 

ภาพที่รวบรวมไว้จำนวน 1,464 ภาพ จากผู้ถ่าย 401 คน จาก 445 สถานที่ใน 62 จังหวัด เป็นภาพที่ผู้โพสต์ได้ระบุสถานที่ถ่ายภาพเอาไว้ชัดเจน แต่น่าเสียดาย ยังมีอีกกว่า 200 ภาพ ที่ผู้โพสต์ไม่ได้ระบุสถานที่ถ่ายภาพไว้ ภาพถ่ายที่รวบรวมไว้เป็นเชิงปริมาณ ไม่ได้เชิงคุณภาพ อาจมีทั้งภาพที่สวยและไม่สวย หรือเป็นภาพที่มือใหม่หัดถ่าย แล้วโพสต์ขอคำแนะนำก็มีมาก อาจจะเห็นลาง ๆ ไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นการถ่ายภาพทางช้างเผือกแล้ว  

จังหวัดที่มีการถ่ายภาพทางช้างเผือก ในปีนี้มีอยู่ 62 จังหวัด ส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณที่ท้องฟ้ามืด บนดอย บนภูเขา ริมทะเล ในอุทยานแห่งชาติ หรือชานเมือง แต่อีก 15 จังหวัด ยังไม่มีภาพถ่ายปรากฏเลย สำหรับบางจังหวัดที่มีแสงไฟในเมืองจ้ามาก ๆ เช่น กรุงเทพฯ ก็คงไม่สามารถถ่ายได้ 

การวิเคราะห์เปรียบเทียบสถิติการถ่ายภาพดาราศาสตร์ในปี 2565 กับปี 2564 ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เพราะปี 2564 ไม่ได้จัดทำข้อมูลไว้ (หรืออาจจะมีคนจัดทำ แต่ผมค้นหาไม่พบ) สำหรับในปี 2565 จำนวนนักล่าทางช้างเผือกอาจมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ก็เป็นไปได้ 

จากผลการศึกษาภาพถ่ายทางช้างเผือกในประเทศไทย พ.ศ.2565 หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อนักจัดทำยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ สถาบันดาราศาสตร์ หน่วยงานราชการ และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป

ประโยชน์ที่คาดหวังจากศึกษา
  1. เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ประสงค์จะถ่ายภาพทางช้างเผือกในปี 2566  ในสถานที่แห่งเดิมโดยปรับปรุงเทคนิควิธี และองค์ประกอบของภาพให้ดีขึ้น
  2. เป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่ต้องการเสาะแสวงหาสถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกแห่งใหม่ ๆ ที่ยังเคยไม่มีใครถ่ายมาก่อน
  3. เพื่อเป็นการแรงบันดาลใจให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป หันมาสนใจการดูดาวและการถ่ายภาพดาราศาสตร์
  4. เป็นแนวทางให้นักยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ สถาบันดาราศาสตร์ หน่วยงานราชการ และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อจัดทำแผนพัฒนาต่อไป
*******************************
จัดทำโดย
พลตรี ดร.สุชาต จันทรวงศ์
ชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี

1 ม.ค.2566





พรุ่งนี้ (22 ธ.ค.2565) ลองมาสร้างสัญลักษณ์ "วันเหมายัน" ในสวนบ้านเรากันดู

ในสมัยโบราณ ผู้คนชอบสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อเชื่อมโยงกับตำแหน่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว จนบางครั้งก็ยังเป็นปริศนาให้เราค้นหาคำตอบมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับในวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.2565) จะเป็น "วันเหมายัน" ทำไม? เราไม่ลองสร้างสัญลักษณ์การขึ้นของดวงอาทิตย์ไว้ในสวนบ้านเรากันบ้าง ใครมีแนวความคิดดี ๆ ลองสร้างดูนะครับ

วันเหมายัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงกับก้อนหินที่มีชื่อ Heel Stone
ของ กองหินสโตนจ์เฮ้นน์ (Stonehenge) ณ ประเทศอังกฤษ
ที่มาของภาพ (SANOOK.2564)

วันเริ่มต้นฤดูกาลต่าง ๆ
ที่มาของภาพ (Nai Yaud's Blog. 2560)

การสร้างสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อเตือนการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
หากดูภาพข้างบนเข้าใจแล้ว เราจะพบได้ว่า ในสมัยโบราณ จะมีการสร้างปฏิมากรรมแท่งหิน ปิรามิด ปราสาท วิหาร หรือสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีความผูกพันและเชื่อมโยงกับตำแหน่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และท้องฟ้า อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการสังเกตอย่างแยบยล สำหรับในด้านการเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้าในรอบปี จะสามารถบ่งบอกห้วงเวลาของเแต่ละฤดูกาลของสถานที่นั้น ๆ  ได้ ดังนี้ 
  • ตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 21 มี.ค. หมายถึง เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ในซีกโลกเหนือ และเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ในซีกโลกใต้ (เวลากลางวัน=กลางคืน) เรียกวันนี้ว่า วสันตวิษุวัต (Vernal Equinox)
  • ตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 21 หรือ 22 มิ.ย. หมายถึง เริ่มต้นฤดูร้อน ในซีกโลกเหนือ (เวลากลางวันยาวที่สุด) และเริ่มต้นฤดูหนาว ในซีกโลกใต้ (เวลากลางวันสั้นที่สุด) เรียกวันนี้ว่า ครีษมายัน (Summer Solstice)
  • ตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 23 ก.ย. หมายถึง เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ในซีกโลกเหนือ และเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ในซีกโลกใต้ (เวลากลางวัน=กลางคืน) เรียกวันนี้ว่า ศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox)
  • ตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 21 หรือ 22 ธ.ค. หมายถึง เริ่มต้นฤดูหนาว ในซีกโลกเหนือ  (เวลากลางวันสั้นที่สุด) และเริ่มต้นฤดูร้อน ในซีกโลกใต้ (เวลากลางวันยาวที่สุด) เรียกวันนี้ว่า เหมายัน (Winter Solstice)
ตำแหน่งทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาค จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณอาศัยอยู่บนโลก เช่น ใกล้ขั้วโลกเหนือ เหนือเส้นศูนย์สูตร ใต้เส้นศูนย์สูตร หรือใกล้ขั้วโลกใต้ ซึ่งจะส่งผลให้มีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ระยะเวลาที่เกิดกลางวันและกลางคืนก็อาจยาวและสั้นไม่เท่ากัน 

สุสานนิวเกรนจ์ (Newgrange monument) ประเทศไอร์แลนด์
ที่มาของภาพ (BBC NEWSไทย.2563)

ในวันเหมายัน (winter solstice) ดวงอาทิตย์จะอยู่ตรงกับตำแหน่งประตูสุสาน
ฉายแสงตรงเข้าไปยังห้องเก็บศพ ที่มาของภาพ (BBC NEWSไทย.2563)


ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก จ.สกลนคร ปฎิทินดวงอาทิตย์โบราณ
แสดงตำแหน่งขึ้นของดวงอาทิตย์ในวันสำคัญต่างๆ
รวมถึง "วันเหมายัน"ด้วย
ที่มาของภาพ (SummerB. 2564)

เริ่มต้นสร้างสัญลักษณ์"วันเหมายัน" ในสวนบ้านเรา
การสร้างสัญลักษณ์วันเหมายันในสวน ประกอบด้วย 2 เงื่อนไข คือ 1) พื้นที่ที่จะสร้างควรมองเห็นตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นได้ และ 2) จุดที่เราเลือกจะนั่งสังเกตการณ์ พอตอนเช้ามืดดวงอาทิตย์ขึ้นก็เอาไม้ไปปักตามแนวทิศทางที่ดวงอาทิตย์ขึ้น หลังจากนั้นค่อยไปหาก้อนหินสวย ๆ มาประดับแทน แค่นี้เราก็ได้หินเหมายัน สัญลักษณ์การเริ่มต้นฤดูหนาว แบบง่าย ๆ ไว้ที่สวนบ้านเราแล้ว

แต่ละพื้นที่ จะมองเห็นไม่เหมือนกันนะครับ ขึ้นอยู่กับพื้นที่สวนและตำแหน่งของคุณเองด้วย สำหรับพื้นที่ใน จ.ราชบุรี พรุ่งนี้ (22 ธ.ค.2565) ดวงอาทิตย์ขึ้น เวลา 06:37 น. ขึ้นทางมุมทิศ 114° (ใครมีเข็มทิศเอาช่วยคำนวณ) อย่าลืม ตื่นแต่เช้าเอาไม้ไปปักไว้ก่อนนะครับ

ซื้อหินประดับสวย ๆ มาทำเป็นสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ขึ้น "วันเหมายัน"

ยิ่งบ้านพัก โฮมสเตย์ รีสอร์ท โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว หรืออุทยานแห่งชาติที่อยู่บนภูเขา หรือยอดดอยสูง ๆ น่าทำสัญลักษณ์ "วันเหมายัน" กันดูเพื่อเป็น Landmark แห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยว แล้วพอปีหน้าก็ทยอยเพิ่มอีก 3 วัน คือ วันวสันตวิษุวัต วันครีษมายัน และวันศารทวิษุวัต แค่นี้เราก็ไม่อายคนโบราณแล้วครับ

ผู้คนนับพันไปเฝ้ารอแสงอาทิตย์แรกของวันเหมายัน
วันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการที่สโตนเฮนจ์ ในอังกฤษ
ที่มาของภาพ (BBC NEWSไทย.2564)

****************************
รวบรวมและเรียบเรียงโดย
ชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี
21 ธ.ค.2565



ที่มาข้อมูล
  • SANOOK. (2564). ความเชื่อ"วันครีษมายัน" 21 มิ.ย. กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี. [Online]. Available : https://www.sanook.com/horoscope/142217/. [2565 ธันวาคม 21].
  • Nai Yaud's Blog. (2560). วันเหมายัน. [Online]. Available : https://9yaud.wordpress.com/2017/12/22/วันเหมายัน/. [2565 ธันวาม 21].
  • ฺBBC NEWSไทย. (2563). ดีเอ็นเอเผย กษัตริย์ยุคหินใหม่ของไอร์แลนด์คือทายาทของคู่สมรสที่เป็นพี่น้องกัน. [Online]. Available : https://www.bbc.com/thai/features-53108846. [2565 ธันวาคม 21].
  • BBC NEWSไทย. (2564). วันเหมายัน 21 ธ.ค. 2564 กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี. [Online]. Available : https://www.bbc.com/thai/features-50881360. [2565 ธันวาคม 21].
  • SummerB. (2564). พระธาตุภูเพ็ก ที่เที่ยวสกลนคร ปราสาทหินศักดิ์สิทธิ์ ปฏิทินดวงอาทิตย์โบราณ. [Online]. Available : https://travel.trueid.net/detail/an799mK8VzEy. [2565 ธันวาคม 21].

ชวนคนราชบุรีสังเกตการณ์ "ฝนดาวตกเจมินิดส์" ใกล้บ้าน : 14 ธ.ค.2565

ชาวราชบุรีหลาย ๆ ท่าน ที่อยากจะชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ ในคืนวันที่ 14 ธ.ค.2565 แต่ไม่อยากเดินทางไปชมในพื้นที่ต่างจังหวัดไกล ๆ  งานนี้ขอบอก แถบเทือกเขาตะนาวศรี บ้านเราก็ชมได้แล้ว ลองอ่านคำแนะนำดู จบแล้วสามารถดูฝนดาวตกครั้งนี้ได้ด้วยตนเองเลยครับ


เนื้อหา
  • สิ่งที่ควรรู้เบื้องต้น
  • คำแนะนำในการชมฝนดาวตก
  • การดูฝนดาวตกด้วยตนเอง
  • สถานที่ที่เหมาะสำหรับชมฝนดาวตกในราชบุรี
  • อยากถ่ายภาพทำอย่างไร
  • ใครไม่สะดวก ไปชมใหม่ใน 17 ธ.ค.2565
  • การจัดแคมเปญดูฝนดาวตกเจมินิดส์
สิ่งที่ควรรู้เบื้องต้น
ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ (กลุ่มดาวคนคู่) เกิดจากโลกเคลื่อนที่ตัดผ่านสายธารของเศษหินและเศษฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ที่หลงเหลือทิ้งไว้ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน และเมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางดังกล่าว แรงดึงดูดของโลกจะดึงฝุ่นและหินเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นลำแสงวาบ หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เรียกว่า Fireball

ภาพจำลองฝนดาวตกเจมินิดส์ กระจายจากศูนย์กลางกลุ่มดาวคนคู่
ที่มาของภาพ (ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ . 2563)

ในช่วงระหว่างวันที่ 4-20 ธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเจมินิดส์” หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ มีศูนย์กลางกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวคนคู่  สำหรับปี 2565 นี้ นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดในคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง

คำแนะนำในการชมฝนดาวตก
ขั้นตอนแรก เราต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับดูฝนดาวตกครั้งนี้ ภายใต้ 2 เงื่อนไข เงื่อนไขแรก คือ ท้องฟ้ามืดปราศแสงไฟจากเมืองรบกวน เงื่อนไขที่สองคือ สามารถมองเห็นท้องฟ้าทางด้านทิศตะวันออกได้ชัดเจน กำหนดเวลาสำคัญที่ควรทราบ ในคืนวันที่ 14 ธ.ค.2565 
  • 17.55 น.ดวงอาทิตย์ตก
  • 20.00 น.กลุ่มดาวคนคู่ขึ้นพ้นขอบฟ้าทั้งกลุ่ม เริ่มสังเกตการณ์ฝนดาวตกได้
  • 23.03 น.ดวงจันทร์ขึ้น (แรม 6 ค่ำ) แสงจันทร์จะรบกวนการมองเห็นดาวตก
ต้องเตรียมอะไรบ้างในการชม
  • ควรใช้เตียงผ้าใบหรือเก้าอี้สนามที่เอนนอนและพิงหัวได้ หากมีที่วางเท้ายิ่งดี ถ้าไม่มีก็ใช้เสื่อ หรือแผ่นปูนอนก็ได้  ควรแต่งกายชุดแขนยาวขายาวเพื่อป้องกันยุง และควรทายากันยุง หากอากาศหนาวก็หาเสื้อผ้าป้องกันเพิ่มเติมตามความเหมาะสม 
  • จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกของตนเองให้ครบครัน  เช่น น้ำ เครื่องดื่ม ขนมขบเขี้ยว ไฟฉาย (ควรใช้สีแดง) เป็นต้น
  • จัดท่านอนให้ สบายและผ่อนคลายที่สุด หันหน้าไประหว่างทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับทิศตะวันออก สามารถมองเห็นภาพท้องฟ้าในมุมกว้าง แบบพานอรามา
  • ปิดแสงไฟรบกวนรอบบริเวณให้หมด แล้วหลับตาเป็นเวลา 1  นาที ก่อนเริ่มสังเกตการณ์
ดูฝนดาวตกด้วยตัวเอง
การสังเกตการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ด้วยตนเองนี้ ไม่ยากครับค่อย ๆ ทำไปตามขั้นตอนที่แนะนำนี้ ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ จินตนาการ และทำความเข้าใจ (ฝึกดูได้เรื่อย ๆ ทุกคืน) 
  • ขั้นตอนที่ 1  หลังจากหลับตาเป็นเวลา 1 นาที เมื่อลืมตาขึ้นมาในเวลา 20.00 น. ท่านจะเห็นภาพดวงดาวและกลุ่มดาวต่าง ๆ  (ตามภาพที่ 1) พยายามสังเกตภาพของดวงดาวและกลุ่มดาวต่าง ๆ จดจำและทำความเข้าใจ
ภาพที่ 1 ภาพท้องฟ้าเวลา 20.00 น.
  • ขั้นตอนที่ 2 พยายามจินตนาการกลุ่มดาวต่าง ๆ โดยลากเส้นระหว่างดาวแต่ละดวง ตามที่คุณมองเห็น จุดที่ควรสังเกตหลัก : ดาวอังคารจะเป็นสีส้ม มองเห็นชัดเจน, เข็มขัดนายพราน เป็นดาว 3 ดวงเรียงกัน, ดาวฤกษ์สว่าง 5 ดวง คือ ดาวไรเจล, เบเทลจุส, ดาวซิริอัส (ดาวโจร), ดาวตาวัว และ ดาวคาเพลลา (ดูภาพที่ 2 ประกอบ)
ภาพที่ 2
  • ขั้นตอนที่ 3 หลังจากลากเส้นระหว่างกลุ่มดาวต่าง ๆ ในขั้นตอนที่ 2 แล้ว ลองจินตนาการวาดภาพของกลุ่มดาวแต่ละกลุ่มดู เช่น กลุ่มดาวนายพราน (Orion), กลุ่มดาวคนคู่ (Gemini), กลุ่มดาวสารถี (Auriga), กลุ่มดาววัว (Tarus) , กลุ่มดาวกระต่ายป่า (Lepus) เป็นต้น (ดูภาพที่ 3 ประกอบ)
ภาพที่ 3
  • เริ่มสังเกตการณ์ฝนดาวตก ซึ่งจะเป็นลำแสงวาบสั้น ๆ กระจายออกมาจากศูนย์กลางคือ กลุ่มดาวคนคู่ (Gemini) (ดูภาพที่ 4 ประกอบ) ซึ่งกลุ่มดาวคนคู่ก็จะค่อย ๆ ลอยขึ้นสูงจากขอบฟ้าไปเรื่อย ๆ จนเช้า แต่การสังเกตการณ์ จะเป็นอุปสรรคเมื่อดวงจันทร์เริ่มขึ้นในเวลา 23.03 น. แสงจันทร์จะทำให้มองไม่เห็นแสงวาบของดาวตก
ภาพที่ 4 เริ่มสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่ 20.00-23.03 น.

ดวงจันทร์จะเริ่มขึ้นในเวลา 23.03 น.
ซึ่งแสงจันทร์จะรบกวนแสงวาบของดาวตก

สถานที่เหมาะสำหรับชมฝนดาวตกในราชบุรี
จากการสำรวจความมืดของท้องฟ้าในพื้นที่ จ.ราชบุรี ที่เหมาะสำหรับการดูฝนดาวตกเจมินิดส์ในครั้งนี้ ได้แก่ พื้นที่ใน เขต อ.สวนผึ้ง อ.บ้านคา อ.จอมบึง (บางส่วน) และ อ.ปากท่อ (บางส่วน) พื้นที่ตรงไหนก็ได้ ที่ตั้งอยู่ในแถบสีน้ำเงินตามภาพด้านล่าง แต่ขอให้ห่างจากตัวอำเภอและถนนสายหลักหน่อย เพราะอาจมีแสงไฟในตัวอำเภอและไฟส่องสว่างตามถนนรบกวน พื้นที่นั้น ๆ ควรสามารถควบคุมการเปิดและปิดไฟได้ 

พื้นที่ที่อยู่ในแถบสีน้ำเงิน จะเหมาะสำหรับดูฝนดาวตก

ชาวราชบุรีที่สนใจอยากนอนดูฝนดาวตก ในครั้งนี้ ก็ลองหาพื้นที่ปักหมุดกันดูนะครับ อาจเป็น บ้านเพื่อน โฮมเตย์  รีสอร์ท ลานกางเต็นท์ หรือ อ่างเก็บน้ำ ที่รู้จัก หรือใครมีสถานที่ดี ๆ แนะนำก็บอกกันมาบ้างนะครับ 

อยากถ่ายภาพทำอย่างไร
การถ่ายภาพฝนดาวตกนี้ไม่ยากครับ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่มีโหมดตั้งค่าเอง ก็ถ่ายได้ครับ ถ่ายติดแน่นอน แต่จะสวยงามแบบมืออาชีพหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง   แต่อุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีคือ ขาตั้งกล้อง แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับมือสมัครเล่นแล้วครับ ส่วนท่านใดสนใจเทคนิคการถ่ายภาพดาว แนะนำให้ค้นหา และอ่านดูในอินเตอร์เน็ต มีเยอะแยะมากมายให้ศึกษาค้นคว้า เช่น
เดี๋ยวนี้ โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ก็สามารถถ่ายภาพดาวได้

ใครไม่สะดวก ไปชมใหม่ใน 17 ธ.ค.2565
หลายคนอาจไม่สะดวกที่ไปนอนดูฝนดาวตกเจมินิดส์ ในวันที่ 14 ธ.ค.2565 เพราะมันเป็นวันพุธ รุ่งเช้าต้องตื่นมาทำงานอีก ก็ลองไปดูวันเสาร์ที่ 17 ธ.ค.2565 แทนก็ได้ครับ เพราะฝนดาวตกนี้มีไปถึงวันที่ 20 ธ.ค.2565 ช่วงเวลาดูก็ใกล้เคียงกัน แถมในวันนั้นดวงจันทร์ขึ้นช้าด้วยครับ ขึ้นเวลา 00.38 น.ของวันรุ่งขึ้น แต่จำนวนดาวตกอาจมีน้อยไม่ถึง 150 ดวง/ชั่วโมง

การจัดแคมเปญดูฝนดาวตกเจมินิดส์
หลายจังหวัด หลายพื้นที่ มีแคมเปญ จัดกิจกรรมและเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่สนใจไปนอนสังเกตการณ์ดูฝนดาวตกเจมินิดส์ได้ ฟรี! ขณะที่ใน อ.สวนผึ้ง อ.บ้านคา อ.จอมบึง และ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ท้องฟ้ามืดและมีองค์ประกอบเหมาะแก่การจัดกิจกรรม มีทั้งอุทยานแห่งชาติ อ่างเก็บน้ำ หน่วยราชการ มหาวิทยาลัย วิทยาลัย สถานศึกษาและโรงเรียนชั้นนำหลายแห่ง อีกทั้ง อบต. ทต. โรงแรม รีสอร์ท โฮมเตย์ ลานกางเต็นท์ ฯลฯ จำนวนมากมาย เสียดายที่ยังไม่มีใครคิดจะจัดแคมเปญนี้ อย่างที่จังหวัดอื่น ๆ เขาทำกัน

ชาวราชบุรีที่สนใจ คงต้องไปหาพื้นที่ปักหมุดเสียสตังค์ ดูฝนดาวตกครั้งนี้กันเอาเองนะครับ

***********************
พลตรี ดร.สุชาต จันทรวงศ์
ประธานชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี
12 ธ.ค.2565











ที่ข้อมูล
  • ศุภฤกษ์ คฤหานนท์ . (2563). ถ่ายภาพฝนดาวตกอย่างไร ให้ได้ศูนย์กลางการกระจายตัวของฝนดาวตก. [Online]. Available : https://www.narit.or.th/index.php/astro-photo-article/1425-how-to-take-meteor-shower-photo. [2565 ธันวาคม 12].

เปิดฟ้าหาดาว@สวนผึ้ง : ชวนเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ

หากพูดถึง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี กับ ไอหนาว หมอกขาว ป่าเขียว และเสน่ห์แห่งขุนเขาตะนาวศรี แล้ว ถือว่ายังไม่ติดเทรนด์ของนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเท่าใดนัก หากเทียบกับยอดดอย และอากาศหนาวของจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือแล้ว ยังถือว่าเป็นรอง แต่ถ้าสามารถสร้างกิจกรรมใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นก็อาจพอสู้กันได้


เนื้อหา
  • ดูดาวไปทำไม?
  • สถานที่ดูดาวที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด
  • เปิดฟ้าสวนผึ้ง กับการอบรมเชิงปฏิบัติการดูดาวและถ่ายภาพดาราศาสตร์
  • คาดหวังให้ใครเข้าอบรม?
  • เปิดฟ้าหาดาว@สวนผึ้ง
ดูดาวไปทำไม?
"ดูดาวไปทำไม" เป็นคำถามที่ ผมถูกถามมากที่สุด เวลาไปชวนเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักมาดูดาวกัน แม้ปัจจุบันนี้ ผมก็ยังหาคำตอบที่เหมาะสมตอบพวกเขาไม่ได้เลย บางครั้ง ผมก็ตั้งคำถามย้อนกลับไปว่า "แล้วทำไม จึงไม่อยากดูดาวกันหล่ะ"  พวกเขาก็จะอ้างเหตุผลมาตอบสารพัด เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีที่ดู ขี้เกียจเดินทาง เดินทางลำบาก ไม่อยากอดนอน ดูไม่รู้เรื่อง ดูไม่เป็น ฯลฯ 

หากเราย้อนไปศึกษาอารยธรรมและพฤติกรรมของคนโบราณ จะพบว่า การดูดาวเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสมัยนั้น  ดวงดาวนับล้านดวงที่ปรากฏให้เห็นเป็นความบันเทิงที่ผ่านเข้ามาในยามค่ำคืนอันมืดมิดและยาวนานสำหรับคนสมัยนั้น พวกเขาน่าจะรู้จักทุกการเคลื่อนที่ของทางช้างเผือก ทุกกลุ่มดาวที่สว่างไสว และทุกดาวตกที่พุ่งผ่านท้องฟ้า 

ที่มาของภาพ Stonehenge Dronescapes

หลักฐานที่แสดงให้เห็นก็คือ สิ่งก่อสร้างในโลกโบราณ มักจะมีโครงสร้างขนาดใหญ่  ไม่ว่า ปิรามิด วิหาร แท่งหินขนาดมหึมา ภาพวาด อักษร หรือคำจารึกต่าง ๆ ล้วนมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงระหว่าง ท้องฟ้า พื้นดิน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว

ที่มาของภาพ NASA SCIENCE

อนุมานได้ว่า ท้องฟ้าในสมัยโบราณน่าจะมืดมิด สวยงาม เต็มไปด้วยดวงดาวที่ชัดเจนละลานตา ผิดกับท้องฟ้า ในสมัยนี้ที่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าส่องเรืองขึ้นไปบดบัง ผู้คนในเมืองใหญ่ ๆ ไม่มีโอกาสได้เห็นดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนสมัยก่อน 

แสงไฟในเมือง บดบังดวงดาว

สถานที่ดูดาวที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด
ท้องฟ้าที่ อ.สวนผึ้ง และ อ.บ้านคา จัดว่าอยู่ในระดับท้องฟ้ามืดมากเหมาะสำหรับการดูดาว (ไม่ค่อยมีผลกระทบของแสงไฟจากเมืองรบกวน)  ดูภาพด้านล่างแล้วจะเห็นเป็นพื้นสีน้ำเงิน มีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 150 กม.เศษ  ดังนั้น หากสามารถพัฒนาพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอนี้ ให้เป็นพื้นที่สำหรับดูดาวหรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ได้  ก็จะทำให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ตลอดปี เพราะการดูดาว การดูทางช้างเผือก และดูปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์นั้น มีให้ชมตลอดทั้งปี 


เปิดฟ้าสวนผึ้ง กับการอบรมเชิงปฏิบัติการดูดาวและถ่ายภาพดาราศาสตร์
ผมเป็นคนธรรมดา ๆ ที่มีความสนใจเรื่องดาราศาสตร์ หลังจากเกษียณราชการ จึงมีเวลาพอที่จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้  ผมมีแนวความคิดที่อยากจะให้มีการพัฒนาพื้นที่ อ.สวนผึ้ง และ อ.บ้านคา ของ จ.ราชบุรี  เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์อีกแหล่งหนึ่งของประเทศไทย พยายามไปพูดคุยหารือ กับข้าราชการ นักการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทุกคนก็บอกว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ก็ไม่มีอะไรที่ส่อให้เห็นว่าจะมีใครเอาจริงเอาจัง 

ผมได้ก่อตั้งชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี ขึ้นเมื่อตอนต้นปี 2565 หลังจากศึกษาองค์ความรู้และเสาะหาเครือข่ายพันธมิตรที่จะช่วยสนับสนุนได้พอสมควร ผมจึงตัดสินใจจัดกิจกรรมขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ "ดูดาวและถ่ายภาพดาราศาสตร์เบื้องต้น" ขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.2566 ในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี รับสมัครผู้เข้าอบรมจำนวน 30 คน เก็บค่าอบรมคนละ 900 บาท โดยมี อจ.วิรติ กีรติกานต์ชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ของประเทศไทย และทีมงาน ได้กรุณามาเป็นวิทยากรให้ (อ่านรายละเอียดการอบรม)

คาดหวังให้ใครเข้าอบรม?
การจัดอบรมครั้งนี้พยายามคิดต้นทุนให้ต่ำที่สุด เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถจ่ายได้ ชมรมฯ ไม่ได้หวังผลกำไรใด ๆ ก็แค่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น โดยคาดหวังกลุ่มเป้าหมายผู้ที่จะเข้ารับการอบรม ไว้ดังนี้
  • เป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มใหม่ (Beginner) เพื่อปูพื้นฐานต่อยอดต่อไป
  • ผู้ที่ดูดาวหรือถ่ายภาพดาราศาสตร์ได้แล้ว แต่ยังไม่เคยเรียนทฤษฎีพื้นฐานอย่างจริงจัง หรือต้องการเสริมทักษะมากยิ่งขึ้น 
  • เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจดาราศาสตร์ ในพื้นที่ จ.ราชบุรี กรุงเทพฯ และ จ.ใกล้เคียง เข้ารับการอบรม โดยไม่ต้องเดินทางไกลมากนัก
  • อยากให้ ครููวิทยาศาสตร์ หรือครูสอนวิชาดาราศาสตร์ จากโรงเรียนและสถานศึกษาต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.ราชบุรี และ จ.ใกล้เคียง เข้ารับการอบรมเพื่อนำความรู้ไปสอนเด็กนักเรียนและจัดกิจกรรมดาราศาสตร์ในโรงเรียนต่อไป (จ.ราชบุรี มีโรงเรียนเพียง 1 แห่งเท่านั้นที่เป็น รร.เครือข่าย "โครงการกระจายโอกาสการเรียนรู้ดาราศาสตร์" ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ จากจำนวนทั้งหมด 560 แห่ง : ดูรายละเอียด)
  • ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รีสอร์ท และโรงแรม โดยเฉพาะในเขต อ.สวนผึ้ง และ อ.บ้านคา เพื่อเตรียมการพัฒนาสถานที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ และเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดต่อไป
  • ผู้ที่มีอำนาจและผู้ที่จัดทำนโยบายและแผนพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของ จ.ราชบุรี


เปิดฟ้าหาดาว@สวนผึ้ง
มาร่วมเปิดฟ้าหาดาว@สวนผึ้ง ด้วยกันนะครับ โดยสมัครร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ "ดูดาวและถ่ายภาพดาราศาสตร์เบื้องต้น" ซึ่งบับเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นอย่างทางการในพื้นที่ จ.ราชบุรี โดย คนราชบุรี (อ่านรายละเอียด)
  • ส่งชื่อ สกุล เบอร์โทรศัพท์ ทางไลน์ได้ที่ https://line.me/ti/p/qEtxgCaoPR
  • ค่าอบรม 900 บาท รับจำนวน 30 ท่าน
  • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ 081 434 8777
**************************
พลตรี ดร.สุชาต  จันทรวงศ์
ประธานชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี
9 ธ.ค.2565



เปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ "ดูดาวและถ่ายภาพดาราศาสตร์เบื้องต้น"

ขอเชิญท่านที่สนใจสมัครเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ "ดูดาวและถ่ายภาพดาราศาสตร์เบื้องต้น"
เสาร์ที่ 14 ม.ค.2566 @สวนผึ้ง เวลา 10.00-24.00 น.
ค่าอบรม 900 บาท
รับสมัครจำนวน 30 คน



วัตถุประสงค์หลักของการอบรม
  1. เผยแพร่ความรู้เรื่องการดูดาวและการถ่ายภาพดาราศาสตร์ ให้แก่ผู้ที่สนใจใน จ.ราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง
  2. เผยแพร่ความรู้ทางดาราศาสตร์ให้แก่ ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ของโรงเรียน และสถานศึกษาต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ จ.ราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดวิชาดาราศาสตร์ในสถานศึกษาของตนเองต่อไป
  3. เตรียมพัฒนาพื้นที่ในเขต อ.สวนผึ้ง และ อ.บ้านคา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์อีกแหล่งหนึ่งของประเทศไทย อันจะเป็นการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มีความหลากลายมากยิ่งขึ้น
ภาคทฤษฎี ณ ภูริเอกทัต รีสอร์ท อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
(https://goo.gl/maps/wtqUcUtVmykLNd7G6)
  • 10.00 น. ลงทะเบียน
  • 10.30 น. ความรู้พื้นฐานทางดาราศาสตร์ที่น่าสนใจ
    • จากเอกภพถึงดาวเคราะห์โลก (Big Bank to Planet Earth)
  • 12.00 น. อาหารกลางวัน
  • 13:00-14:50 น.การดูดาวเบื้องต้น
    • ทิศและพิกัดท้องฟ้า
    • วัตถุท้องฟ้าที่น่าสนใจ กลุ่มดาว, กระจุกดาวฤกษ์, เนบิวลา, ซากซุปเปอร์โนวา และกาแล็กซี่
    • การใช้แอพพลิเคชั่นแผนที่ดาว Sky Portal / Sky Safari
    • ทัศนูปกรณ์ กล้องสองตา /กล้องโทรทรรศน์ / ฐานตามดาวระบบ AZ-EQ
  • 15:00-17:00 น. การถ่ายภาพดาราศาสตร์เบื้องต้น
    • ภาพมุมกว้าง กลุ่มดาว, ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์, ทางช้างเผือก, เนบิวลาสว่าง
    • มุมแคบ กลุ่มดาว, ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์, ดาวเคราะห์, ทางช้างเผือก, เนบิวลาสว่าง
    • เทคนิคการประมวลผลภาพถ่ายดาราศาสตร์
    • มอเตอร์ตามดาวชนิดพกพา
  • 17.00 น.ออกเดินทางไป 2022CUPID@สวนผึ้ง รีสอร์ท
ภาคปฎิบัติ ณ 2022CUPID@สวนผึ้ง รีสอร์ท
  • 17:30 น. อาหารเย็น
  • 19:00-24:00 น. ฝึกปฏิบัติการ สังเกตการณ์และถ่ายภาพ
    • กลุ่มดาวฤดูหนาวและสมาชิกที่น่าสนใจ
    • กลุ่มดาวและวัตถุท้องฟ้าในซีกฟ้าเหนือและซีกฟ้าใต้
    • ดวงจันทร์
    • นิทานดาวและอัพเดตเทคโนโลยีการสำรวจอวกาศ
    • การถ่ายภาพเส้นแสงดาว Startrails / กลุ่มดาวที่น่าสนใจ
    • การถ่ายภาพดวงจันทร์ / แขนฝุ่นของทางช้างเผือก / วัตถุในห้วงลึกอวกาศพื้นฐาน
******************
💰ค่าลงทะเบียน ท่านละ 900 บาท (ค่าอบรม ค่าสถานที่ อาหารกลางวัน 1 มื้อ อาหารว่าง 1 มื้อ อาหารเย็น 1 มื้อ เครื่องดื่มตลอดการอบรม)
😃รับสมัครจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่าน (ทุกท่านจะได้รับสื่อทางดาราศาสตร์จากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ฟรี)
💥 ส่งชื่อ สกุล และเบอร์โทรศัพท์ ทางไลน์ได้ที่ https://line.me/ti/p/qEtxgCaoPR
📱สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ 081 434 8777

******************
📸 ท่านใดที่มีกล้อง DSLR หรือโทรศัพท์มือถือที่ตั้งค่าถ่ายภาพเองได้ สายลั่นชัตเตอร์ ขาตั้งกล้อง คอมพิวเตอร์สำหรับประมวลผล สามารถนำมาเองได้
🏕️ ท่านใดต้องการค้างคืนที่ 2022CUPID@สวนผึ้ง รีสอร์ท (มีทั้งพื้นที่กางเต็นท์ เช่าเต็นท์ และห้องพัก) ติดต่อจองได้โดยตรงที่รีสอร์ท 📱ครูนุ 08-8915-6461 (จ่ายเงินเอง ไม่รวมค่าอบรม) https://www.facebook.com/rung2022ratchaburi

วิทยากร อจ.วิรติ กีรติกานต์ชัย และคณะ
  • ผู้ประสานงานชมรมคนรักในดวงดาว (Starry Night Lover Club)
  • ผู้ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการถ่ายภาพดาราศาสตร์และการเผยแพร่ความรู้ดาราศาสตร์
  • นักดาราศาสตร์สมัครเล่น- นักถ่ายภาพดาราศาสตร์สมัครเล่น
  • ฑูตสะเต็ม งานดาราศาสตร์สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท. หรือ IPST)
  • Expert Account ด้านดาราศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เว็ปไซต์พันทิป WWW.PANTIP.COM
  • นักวิชาการอิสระด้านดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
  • ปฏิบัติงานเครือข่ายดาราศาสตร์ในการสนับสนุนสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน)

ผลสัมฤทธิ์หลังจากการอบรม : การดูดาวและถ่ายภาพดาว จะไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลตัวอีกต่อไป

จัดโดย 
ชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี 
สถาบันราชบุรีศึกษา

ชวนคนราชบุรีสังเกตุการณ์ดาวอังคารใกล้โลก : วิธีการดูด้วยตาปล่าวที่บ้านเราเอง

ในวันที่ 1 ธันวาคม 2565 นี้ ดาวอังคารจะโคจรมาตำแหน่งใกล้โลกที่สุด ห่างจากโลกประมาณ 81.5 ล้านกิโลเมตร  จึงขอเชิญชวนชาวราชบุรีเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ในครั้งนี้ร่วมกัน


ไม่ดูครั้งนี้ ต้องรออีก 15 ปี
ดาวอังคารจะเข้าใกล้โลกในทุก ๆ 2 ปี 2 เดือน และจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดทุก ๆ 15 - 17 ปี นั่นหมายถึง กว่าเราจะได้เห็นปรากฏการณ์นี้อีกครั้งก็กินเวลาอย่างน้อยอีก 15 ปี เลยทีเดียว ดังนั้นคืนนี้ ไม่ควรพลาดชม

วิธีการดูด้วยตาปล่าว ที่บ้านเราเอง
หากไม่มีกล้องโทรทรรศน์ หรือกล้องส่องทางไกล ดูด้วยตาปล่าวก็ได้ครับ โดยขออนุญาตแนะนำวิธีการดู และจำลองภาพที่จะเห็นแบบเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ ครับ
  • พื้นที่ จ.ราชบุรีบ้านเรา ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก เวลา 17.51 น.
  • หลังจากดวงอาทิตย์ตกแล้ว ให้หันหน้าไปทางทิศตรงกันข้าม จะเห็นดาวอังคาร (ดวงสีส้ม) จะเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าช่วงระหว่างทิศตะวันออกเฉียงเหนือกับทิศตะวันออก (มุมทิศประมาณ 64°) ในเวลาประมาณ 18.20 น. ช่วงแรกอาจยังไม่สว่างมากเพราะยังไม่สิ้นแสงเงินแสงทอง (ดูภาพที่ 1) ซึ่งจะค่อยๆ เห็นได้ชัดเจนขึ้น หลังเวลา 18.51 น.เป็นต้นไป

ภาพที่ 1

สำหรับท่านใดอยู่ในจุดที่มองไม่เห็นเส้นขอบฟ้า  เช่น มีอาคาร บ้านเรือน ตึก ภูเขา หรือสิ่งปลูกสร้างบัง ก็ให้รออีกนิด รอจนดาวอังคารขึ้นสูงทำมุมเงยประมาณ 15° จากเส้นขอบฟ้า กะเวลาประมาณ 19.30 น. ก็จะน่าลอยสูงขึ้นพ้นสิ่งกีดขวางที่บดบังอยู่  (ดูภาพที่ 2) หลังจากนั้นดาวอังคารจะขึ้นให้เห็นไปตลอดทั้งคืน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้า และตกทางทิศตะวันตก

ภาพที่ 2

หากท้องฟ้าคืนนี้ แจ่มใส ไร้เมฆหมอก เราคงได้เห็นดาวอังคารแน่ แสงของดวงจันทร์ขึ้น 8 ค่ำคืนนี้ น่าจะไม่มีอิทธิพลใด ๆ ต่อการมองเห็นดาวอังคาร เพราะเป็นดวงจันทร์ค้างฟ้า ขึ้นมาตั้งแต่ บ่ายโมง 10 นาที และจะตกทางทิศตะวันตกประมาณ เที่ยงคืน 23 นาที 

ท่านใดที่พอมีทักษะในการถ่ายภาพดาว ก็ลองถ่ายไว้ดูนะครับ  แล้วมาแบ่งปันกันชม ขอให้ทุกท่านสนุกและตื่นเต้นไปกับการดูดาวอังคาร ในครั้งนี้นะครับ

**********************
จัดทำโดย
ชมรมดาราศาสตร์และมวลเมฆ จ.ราชบุรี
1 ธ.ค.2565